วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เรื่องลับที่ซ่อนเร้น


430
       สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งตะวันตก โดยพื้นที่ทั้งหมดเริ่มจากทางตอนเหนือของเบอร์มิวดา ไปจนถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และจากรัฐฟลอริดามุ่งหน้าไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบห้าองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก และวกกลับไปทางตอนเหนือของเบอร์มิวดา บรรจบกันเป็นรูปร่างสามเหลี่ยม 


       เรื่องราวลี้ลับจำนวนมากเกิดขึ้นในบริเวณดินแดนอาธรรพ์แห่งนี้ ลัง จากปี ค.ศ. 1945 มีเรื่องราวบันทึกจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ เครื่องบินกว่า 100 เครื่อง และ เรือเดินสมุทร เรือขนส่งสินค้าอีกหลายต่อหลายลำ โดยทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีการทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ทั้งซากเครื่องยนต์ ซากเรื่อ แม้แต่...ซากศพ ของผู้สูญหาย ก็ไม่มีเหลือให้เห็น เหมือนกับว่าได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ในปี ค.ศ. 1962 การหายสาบสูญของฝูงบิน 19 ได้ปรากฎในนิตยสารอเมริกันลีเจียน ฉบับประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 โดยกล่าวอ้างว่าผู้บังคับฝูงบินได้กล่าวว่า "เรากำลังเข้าสู่เขตน้ำขาว ไม่มีอะไรดูปกติเลย เราไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน น้ำทะเลเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีขาว"

431

        หลังจากนั้นเป็นต้นมา ได้มีการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอีกจำนวนมาก และแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้อง หลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎี มาถกเถียงกันและที่ตัดทิ้งเสียไม่ได้ก็คือความจริงที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆ จากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้




432
      
      

          ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน" จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและแหล่งหินประการัง มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี เคย มีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้ พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย ต่อนักประดาน้ำมาก และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ ลงสู่ก้นมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว

433

      

          อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก พายุทอร์นาโด เป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ ฟุต กลาง อากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้ เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว แต่อย่างไรก็ตามทอนาโด ต้องไม่ใช่สาเหตุของทุก ๆ กรณีที่เกิดขึ้นในสามเหลี่ยมเบอมิวดาอย่างแน่นอน

434



        ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือ การผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดย ทั่วไปแล้ว "แค๊ท" จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย แต่อย่างไรก็ดี การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดแต่.. ปรากฏการณ์ "แค๊ท" จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป

435


          การแปรผันของสนามแม่เหล็กโลก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ และเข็มทิศประจำเครื่องอาจ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินและเรือเหล่านั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปยังอีกมิติหนึ่งด้วยการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา สูง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรือที่มากไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกที่บริเวณนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติเวลา ทำให้เครื่องบินและเรือเดินสมุทร เมื่อเดินทางเข้าสู่บริเวณนั้น ถูกผลกระทบจากการแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลก ทำให้หลุดจากมิติหนึ่ง ไปยังอีกมิติหนึ่งก็เป็นได้ 

436



        ในปี พ.ศ. 2553 โจเซฟ โมนาแกน ได้เสนอว่า สาเหตุที่เรือจมและเครื่องบินตก เกิดจากแก๊สมีเทนที่ก่อตัวขึ้น โดยแก๊สดังกล่าวอยู่ใต้ท้องทะเลในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา โดย เมื่อแก๊สเหล่านี้ขึ้นสู่พื้นผิว มันจะทะยานสู่อากาศ และขยายตัวเป็นวงกว้างและก่อตัวเป็นฟองแก๊สขนาดใหญ่ เมื่อเรือลำใดผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น ก็จะเข้าไปสู่ฟองแก๊สมีเทนขนาดยักษ์ จนทำให้เรือเหล่านี้สูญเสียการควบคุม และจมลงในที่สุด เพราะหากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและ เครื่องบินในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จะ พบว่าเมื่อนำขนาดของเครื่องบินและเรือเดินสมุทร ไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอย อยู่ในห้องโถงใหญ่ และด้วยการที่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด โดยกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง คงทำให้มีการพัดพาชิ้นส่วนกระจัดกระจาย และไม่สามารถตามหาได้ทั้งหมดทั้งสิ้น

437


           ไม่ว่าสามเหลี่ยมเบอมิวดา จะเป็นดินแดนอาธรรพ์ ดินแดนแห่งปีศาจ หรือไม่ได้มีความลึกลับแต่อย่างใดก็ตาม เราก็ยังมีสิทธิที่จะจิตนาการ และศึกษาหลาย ๆ ทฤษฎี โดยไม่จำเป็นต้องปักใจเชื่อ สิ่งใดสิ่งหนึ่งจากการกล่าวของคนเพียงคนเดียวเสมอไป เพราะเราต้องศึกษาโลกใบนี้ต่อไป

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น