วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

คนแรก และสิ่งแรกของไทย

-  กษัตริย์ไทยพระองค์แรก (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์)

-  นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย (พระยามโนปกรณ์นิติธาดา)

-  ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของไทย (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี)
 

-  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของไทย (นางอรพินท์ ไชยกาล)

-  อธิบดีหญิงคนแรกของไทย (คุณหญิงอัมพร มีศุข อธิบดีกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ)

-  จอมพลคนแรกของเมืองไทย (จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพันธุวาษ์วรเดช)

-  นักดาราศาสตร์คนแรกของไทย (รัชกาลที่ 4)

-  นางสาวไทยคนแรกของประเทศไทย (นางสาวกันยา เทียนสว่าง)

-  นางสาวไทยคนแรกที่ชนะการประกวดนางงามจักรวาล (นางสาวอาภัสรา หงสกุล)

-  สตรีไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ (คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง)

-  นักมวยไทยคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลก (โผน กิ่งเพชร)

-  นักพากย์ภาพยนตร์คนแรกของไทย (นายสิน สีบุญเรือง (ทิดเขียว))

-  นักเขียนการ์ตูนคนแรกของไทย (ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต (เปล่งไตรปิ่น))

-  ผู้คิดประดิษฐ์อักษรไทยคนแรก (พ่อขุนรามคำแหง)

-  ผู้คิดตัวพิมพ์อักษรไทยเป็นคนแรก (ร้อยโท เจมส์ โลว์)

-  ผู้เริ่มใช้กระแสไฟฟ้าเป็นคนแรกของไทย (จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต))

-  ผู้เปิดเดินรถเมล์ในกรุงเทพมหานครเป็นคนแรก (พระยาภักดีนรเศรษฐ์ (นายเลิศ))

-  ผู้ประดิษฐ์รถสามล้อขึ้นใช้ในประเทศไทยเป็นคนแรก (นายเลื่อน พงษ์โสภณ)

-  ผู้ให้กำเนิดลูกเสือไทยคนแรก (รัชกาลที่ 6)

-  ผู้เริ่มแท็กซี่ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก (พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เมื่อปี พ.ศ.2466)

-  ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" (พระยาอุปกิตศิลปสาร)

-  ผู้ให้กำเนิดเพลงสรรเสริญพระบารมี (กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์)

-  ผู้ให้กำเนิดเพลงชาติไทย (พระเจนดุริยางค์ (บรรเลงครั้งแรกโดยวงดุริยางค์ทหารเรือ))

-  ผู้แต่งเพลงกราวกีฬา (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย" (สมเด็จพระราชบิดา กรมหลวงสงขลานครินทร์)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งกองทัพเรือ" (กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์(พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5))

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการสหกรณ์แห่งประเทศไทย (กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์)

-  ฝาแฝดคู่แรกของไทย (ฝาแฝด อิน - จัน เกิดเมื่อ 11 พฤกษภาคม พ.ศ. 2434 ที่ จ. สมุทรสงคราม)

-  ผู้ที่ริเริ่มใช้ ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศก) (รัชกาลที่ 5)

-  ร.ศ. 1 ตรงกับปี พ.ศ. (พ.ศ. 2331)

-  เรือกลไฟลำแรกของประเทศไทย (เรือสยามอรสุมพล)

-  โรงพยาบาลแห่งแรกของไทย (โรงพยาบาลศิริราช)

-  มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

-  โรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของไทย (โรงเรียนอนุบาลที่โรงเลี้ยงเด็ก ซึ่งพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ พระอัครชายาใน รัชกาลที่ 5เป็นผู้ให้กำเนิด)

-  ธนาคารเอกชนแห่งแรกของไทย (แบงก์สยามกัมมาจล (ปัจจุบัน คือธนาคารไทยพาณิชย์))

-  โรงภาพยนตร์โรงแรกในกรุงเทพฯ ที่ฉายจอซีนีมาสโคป (โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย)

-  ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ออกฉายให้ประชาชนชมครั้งแรกเรื่ อง (นางสาวสุวรรณ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2466)

-  โรงแรมแห่งแรกของไทย (โรงแรมโอเรียนเต็ล)

-  โรงพิมพ์แห่งแรกของประเทศไทย (โรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ตั้งอยู่ที่ธนบุรี)

-  บทประพันธ์ที่ทำการขายลิขสิทธิ์ครั้งแรกในประเทศไทย (นิราศลอนดอนของหม่อมราโชทัย ขายให้กับหมอบรัดเลย์)

-  แบบเรียนเล่มแรกของคนไทย (หนังสือจินดามณี พระโหราธิบดีเป็นผู้แต่ง)

-  หนังสือไทยเล่มแรก (หนังสือไตรภูมิพระร่วง)

-  หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของไทย (หนังสือพิมพ์บางกอกรีคอดเดอร์ เมื่อปี พ.ศ.2387)

-  ปฏิทินฉบับภาษาไทยของประเทศไทยจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ (ปี พ.ศ.2385)

-  วิทยุโทรทัศน์มีขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ (ปี พ.ศ.2497 สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม)

-  สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ปัจจุบัน คือ ช่อง 9 อสมท.)

-  โรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรแห่งแรก (โรงเรียนวัดมหรรณพาราม)

ที่มา :  http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,662.0.html 
10 อันดับเรื่องลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้

อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)
           ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน

  


อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)
          ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น




อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)
              ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน





อันดับ 7 : หีบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)
              คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้





อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)
             พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

 



อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)
              คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดี ที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???




อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
              บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง




อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
              วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้




อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)
              เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจ เป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป





อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)
             มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?






ที่มา : http://awsqeaws.exteen.com/20091116/entry-1

รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่ายและมีให้กินทุกฤดูกาล ถือว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน ขึ้นบ้านใหม่ หรือเยี่ยมไข้คนป่วย ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้เห็นแอปเปิ้ลเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับ กระเช้าผลไม้
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน
     สำหรับแอปเปิ้ลที่เราเห็นตามท้องตลาดนั้น มีทั้งชนิดที่เปลือกสีแดง สีชมพู สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งสีที่แตกต่างกันนั้นก็บ่งบอกได้ถึงสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไป ถึงแม้เปลือกด้านนอกจะมีสีไม่เหมือนกันแต่เนื้อข้างในนั้นเป็นเนื้อทราย ละเอียดสีขาวนวลเหมือนกัน แต่แอปเปิ้ลแต่ละสีก็จะมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน หลายคนมีความเข้าใจที่ผิดๆ เกี่ยวกับการกินแอปเปิ้ลว่า เราควรจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลออกก่อนกิน แต่จริงๆ แล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่ผิด เพราะจะทำให้คุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ลดลง
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน  
      เมื่อรับประทานแอปเปิ้ลโดยไม่ปอกเปลือก 1 ผล เราจะได้รับพลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม และวิตามินซีมากถึง 7.9 มิลลิกรัม นอกจากนั้นยังมีสารเบต้าแคโรทีน และเส้นใยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล (การกินแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ โดยแอปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย) ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส ในทางกลับกันถ้าเราปอกเปลือกปริมาณสารอาหารดังกล่าวในแอปเปิ้ลก็จะลดลงไป ด้วย  
     นอกจากนี้สำหรับคนไหนที่อยากควบคุมน้ำหนัก แอปเปิ้ลถือว่าตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ เพราะแอปเปิ้ล 1 ผล มีส่วนประกอบของแป้งละน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลา ไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่ แต่แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้หายหิวแต่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มด้วย
     ส่วนในเรื่องความแตกต่างในด้านสารอาหารที่เราจะได้รับจากแอปเปิ้ลสีต่างๆ นั้น ...
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน
     แอปเปิ้ลแดง มีจุดเด่นที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีสารอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
     แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
     แอปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
     แอปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกินแอปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีอีกด้วย
     มีประโยชน์รอบด้านแบบนี้นี่เอง แอปเปิ้ลถึงเป็นผลไม้ยอดนิยมในทุกๆ เทศกาล ... น้องๆ คนไหนที่อยากสุขภาพดี ผิวสวย และรูปร่างสมสัดส่วนล่ะก็ ลองกินแอปเปิ้ลเป็นประจำดูสิคะ

ที่มา : http://www.dek-d.com/content/lifestyle/25503/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-.php
5 อาชีพสุดแปลก ที่มีอยู่จริง!      

            อาชีพนักดมรักแร้ :: อาชีพที่ขอยืนยัน แถมนอนยันให้ด้วยว่ามีอยู่จริง โดยบริษัทผู้ผลิตโรลออนจะจ้างคนมาดมรักแร้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อเป็นการตรวจเช็คว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมานั้นดีและเหมาะสมแล้วรึยัง ซึ่งนักดมรักแร้จะต้องดมรักแร้ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กว่า 60 คน/วันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าหลังจากดมเสร็จแล้วจะต้องไปสูบยาดมหมดไปกี่หลอด

             นักทดสอบสไลด์เดอร์ :: ถ้าไปสวนน้ำแล้วไม่ได้เล่นสไลด์เดอร์ก็เหมือนว่าไปไม่ถึง จริงไหมจ๊ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com ซึ่งทุกคนรู้กันรึเปล่าว่าก่อนที่เราจะได้เล่นเครื่องเล่นชนิดนี้นั้น มันต้องผ่านการทดสอบมาก่อนจากนักทดสอบสไลเดอร์ อ๊ะๆ อ่านชื่ออาชีพไม่ผิดหรอกจ้ะ ชื่ออาชีพนี้จริงๆ โดยมีหน้าที่ทดสอบเล่นสไลเดอร์ที่สร้างขึ้นมาว่าสนุกไหม อันตรายรึเปล่า และหวาดเสียวไหม เรียกว่าเป็นหนูทดลองคนแรกที่จะได้เล่นเครื่องเล่นนี้เลยจ้ะ
เด็กดีดอทคอม :: 5 อาชีพสุดแปลก ที่มีอยู่จริง

             นักระบุเพศไก่ :: อย่านึกว่าลูกเจี๊ยบที่เพิ่งถูกฝักตัวออกมาจากไข่แล้ว จะถูกปล่อยให้อยู่เฉยๆ นะจ๊ะ เพราะมันต้องผ่านมือของเขาคนนี้เสียก่อน นักระบุเพศไก่ หน้าที่ของเขาสำคัญกับอุตสาหกรรมไก่มาก เพราะต้องระบุเพศลูกเจี๊ยบว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย ถ้าเป็นเพศเมียก็จะถูกแยกตัวออกไปเลี้ยงเป็นไก่ไข่ ส่วนเพศผู้ก็ถูกนำไปเลี้ยงเป็นไก่เนื้อ

             นักทดสอบเตียงนอน :: ถ้าชื่นชอบการนอนเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ขอแนะนำอาชีพนี้เลยจ้ะ กับนักทดสอบเตียงนอน ที่ขอบอกว่าเตียงนอนที่นำมาให้ทดสอบนั้นไม่ใช่เตียงธรรมดาทั่วไปนะ แต่เป็นเตียงหรูที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่นักทดสอบจะต้องนอนทดสอบเพื่อเช็คว่ามันทำให้หลับสบายจริงรึเปล่า

             นักทดสอบอาหารสัตว์ :: อย่าเพิ่งนึกว่าคนที่ประกอบอาชีพนี้จะต้องกินอาหารสัตว์นะจ๊ะ จริงๆ แล้วเขาให้สัตว์เลี้ยงแสนรักอย่าง หมา และแมวเป็นฝ่ายกิน ส่วนนักทดสอบอาหารสัตว์ก็จะมีหน้าที่สังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดของสัตว์ เลี้ยงว่าพวกมันชื่นชอบอาหารเหล่านั้นรึเปล่า


ที่มา : http://www.dek-d.com/content/lifestyle/27238/5-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87.php
ดนตรียุคเก่า ช่วยเรียนเก่ง!

          การฟังเพลงเบาๆ ให้ผ่อนคลายเป็นอีกวิธีหนึ่งในการชาร์จพลังความคิดของเรา เพลงและดนตรีหลายๆ ประเภทได้รับการศึกษาและวิจัยแล้วว่า มีผลดีต่อสมองทั้งในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้  หาก เลือกฟังเพลงได้เหมาะสม ถูกจังหวะและถูกโอกาส! มีงานวิจัยที่บอกว่าครูสามารถใช้เสียงเพลงหรือดนตรีมาประกอบการสอนได้ ทั้งเปิดให้เป็๋นเสียงคลอเบาๆ ในชั้นเรียน ระหว่างช่วงกิจกรรมการคิดทั้งเดี่ยวหรือกลุ่ม นักเรียนจะคิดงานออกมาได้ดี หรือนำมาใช้เป็นสื่อการสอนในวิชาทางภาษา อย่างภาษาไทยเราเอง หรือภาษาที่สองที่สาม ก็จะช่วยในเรื่องการจดจำคำศัพท์ได้อีกด้วย

เด็กดีดอทคอม :: ดนตรียุคเก่า ช่วยเรียนเก่ง!




        ดนตรีประเภทที่เหมาะกับการพัฒนาสมอง คือ ดนตรีในยุคบาโรก (Baroque) เพราะมีคลื่นความถี่  ที่เหมาะสมกับการทำงานของสมอง จังหวะของดนตรียุคนี้ใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจขณะพักผ่อน คือ ประมาณจังหวะเคาะ 60 ครั้งต่อนาที ซึ่งทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ฟังแล้วมีสมาธิ  ช่วยกระตุ้นสมองให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเรียนรู้ และทำให้จดจำได้ง่ายขึ้น  หากเลือกเลือกฟังเพลงยุคบาโรกที่มีจังหวะช้าๆ ในขณะที่ท่องหนังสือ ผลการวิจัยบอกว่านักเรียนหลายคนผลการเรียนดีขึ้นด้วย! ใน ทางกลับกันดนตรีที่ดีน้อยที่สุดต่อการเรียนรู้ และเป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายสมองที่สุดคือ ดนตรีร็อค เพราะจังหวะกระชั้น รวดเร็ว บีบหัวใจมากกว่าผ่อนคลาย น้องๆ สามารถค้นหาเพลงยุคบาโรกเบาๆ กระตุ้นสมองได้จากอินเทอร์เน็ต ในyoutubeเองก็มีเพลงนี้อยู่หลายเพลง และถ้าเราค้นหาเพลง playlist ใน youtube จะเจอ playlist ที่มีคนรวบรวมเพลงสำหรับผ่อนคลายสมองและใช้ฟังตอนอ่านหนังสือไว้ เช่น Sounds for the brain  เราสามารถใช้ฟังเวลาที่เราอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนคอยกดฟัง บ่อยๆ ค่ะ                                                                          



      นอกจากการฟังดนตรีจะได้ผลดีต่อกระบวนการทำงานของสมองของเราแล้ว ยังมีการเล่นดนตรีที่ช่วยพัฒนาสมองของเราได้อีก โดยเฉพาะดนตรีเครื่องสายที่ ต้องใช้นิ้วดีดๆ เช่น จะเข้ กีตาร์ หรือยอดฮิตตอนนี้ต้องอูคูเลเล่ และถ้าได้ฝึกเล่นก่อนอายุ 12 ปี ก็จะยิ่งช่วยให้สมองพัฒนา มีความจำดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เพราะได้ฝึกประสาทสัมผัสหลายส่วนที่มีผลต่อการพัฒนาเซลล์สมองหรือที่ทั่วไป เรียกว่าเพิ่มรอยหยักสมองนั่นเองค่ะ 
ที่มา :http://www.dek-d.com/content/education/27280/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87.php 
เทคนิคจำแม่น จำให้เป็นภาพ

การจำด้วยภาพ เป็นการจำที่ใช้ จินตนาการผสมกับความรู้สึกนึกคิด ทำให้การจำแม่นยำขึ้น ต่อให้เป็นคนไม่มีจินตนาการแค่ไหน เทคนิคก็ยังใช้ได้ผล 100% ซึ่งเทคนิคนี้ก็คือ การแปลผลจากข้อความออกไปเป็นรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ถ้าใครอินมาก อาจะใช้รูปภาพถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเลยก็ได้
             เพื่อเป็นการยืนยันผล มีแบบทดสอบสนุกๆ ให้ทำค่ะ

         กติกา   ข้อ 1) มองรูปนี้เพียง 3 วินาที แล้วจดใส่กระดาษดูว่าจำรูปไหนได้บ้าง

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ
     รูปที่ 1 มีอะไรบ้าง   1........ 2.......  3....... 4.......

        ข้อ 2) กติกาเดิม มอง 3 วินาที แล้วจดออกมาว่ามีอะไรบ้าง
เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ

   รูปที่ 2 มีอะไรบ้าง  1....... 2........ 3........ 4........
         แบบทดสอบข้างต้น ลองแยก "รูปภาพ" และ "ตัวอักษร" ออกจากกัน พอจำความรู้สึกในการจำรูปทั้งสองได้มั้ยคะ ว่าภายในเวลา 3 วินาที สามารถจำรายละเอียดของรูปไหนได้มากกว่ากัน เชื่อว่าหลายคนมองผ่านรปในข้อ 1) แว๊บเดียวก็สามารถจำได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง โดยไม่ต้องท่องด้วยซ้ำ ถึงเวลาเขียนแค่นึกความรู้สึกว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน ก็สามารถจำได้แล้ว
         ส่วนข้อ 2) ก็จำได้เหมือนกัน แต่ต้องท่องทวนซ้ำอย่างน้อย 2-3 รอบ ถึงจะลงมือเขียนได้ แต่ข้อสรุปนี้ อาจจะง่ายเกินไป เพราะจำนวนสิ่งของมีน้อย ลองมาพิสูจน์อีกครั้งกับรูปภาพนี้


        ข้อ3) ให้เวลา 10 วินาที จำว่ามีอะไรบ้าง และเขียนออกมา
เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ

        รูปที่ 3 มีอะไรบ้าง  1.........  2......... 3.......... 4........... 5..........
                             6.........  7.........  8........... 9........... 10.........

         จากรูปภาพข้างบนมีทั้งหมด 10 ข้อ จำได้เท่าไหร่กันบ้างเอ่ย?? ถ้าใครจำได้ถึง 10 ต้องปรบมือให้เลยล่ะ เพราะมันยากมากๆ เพราะภายในเวลา 10 วินาที เป็นเวลาช่วงสั้นมากๆ ที่จะจดจำสิ่งของที่มีถึง 10 ชิ้น ดังนั้นถ้าเติมไม่ครบก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ ส่วนใหญ่อาจจะจำกันได้ 5-6 ข้อ 
         น้องๆ ลองสังเกตคำตอบของตัวเองดูว่า ส่วนใหญ่สิ่งที่จำได้ คือ อะไร เป็นรูปภาพ? หรือ ตัวอักษร?
        คำ ตอบที่ออกมา น้องๆ น่าจะเลือกจำรูปภาพมากกว่าตัวอักษร เนื่องจากจำง่าย มีรูปลักษณ์ชัดเจน แล้วก็โยงกับความคิดเราได้ ทำให้นึกภาพเร็วขึ้น ส่วนการจำแห้งๆ ที่มีแค่คำ คนจึงเลือกจำน้อย เพราะได้ผลที่ต่ำกว่า
        มาถึงตรงนี้ น้องๆ น่าจะเข้าใจหลักการจำด้วยภาพมากขึ้น สรุปง่ายๆ ก็คือ สมองคนเราจะเรียนรู้จากการจำด้วยภาพได้ง่ายกว่า เป็นการใช้สมองซีกขวา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้ผลจริงๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจดโน้ต หรือสรุปเนื้อหาก่อนสอบ ใช้รูปภาพแทนบางส่วนคำพูด จะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้นมากๆ ถึงเวลาสอบก็แค่ระลึกชาตินิดหน่อย ก็สามารถแปลผลออกมาเป็นตัวอักษรได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ

ที่มา : http://www.dek-d.com/content/education/27110/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.php