วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

70สิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

70 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน


 *******************************************

 1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...

 2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...

 3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...

 4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์

 5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮป X เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...

 6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...

 7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...

 8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต...

 9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...

 10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...



 11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...

 12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...

 13.ฮิปโปผายลมทางปาก...

 14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...

 15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...

 16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...

 17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...

 18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...

 19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...

 20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที



 21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...

 22.เม่นชอบช่วยตัวเอง...

 23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...

 24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...

 25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...

 26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...

 27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน

 28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที

 29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา

 30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว



 31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed

 32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น

 33. แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์

 34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม

 35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น

 36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ

 37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง

 38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)

 39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต

 40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว



 41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700 เท่าตัว

 42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา

 43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน

 44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982

 45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่ 30.59.27 ชม.

 46.ตอนที่ f4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100 คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2

 47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต

 48.โดนั ลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน

 49. ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ ( 45 ล้านบาท)

 50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128 ครั้ง



 51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู

 52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม

 53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่

 54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้

 57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่

 58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว

 59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง

 60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้



 61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

 62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย

 63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี

 64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ

 65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ

 66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว

 67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด

 68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน

 69.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา

 70. รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูสิ)

เครดิต : http://www.thaireaderclub.com

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เรื่องลับที่ซ่อนเร้น


430
       สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งตะวันตก โดยพื้นที่ทั้งหมดเริ่มจากทางตอนเหนือของเบอร์มิวดา ไปจนถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และจากรัฐฟลอริดามุ่งหน้าไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบห้าองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก และวกกลับไปทางตอนเหนือของเบอร์มิวดา บรรจบกันเป็นรูปร่างสามเหลี่ยม 


       เรื่องราวลี้ลับจำนวนมากเกิดขึ้นในบริเวณดินแดนอาธรรพ์แห่งนี้ ลัง จากปี ค.ศ. 1945 มีเรื่องราวบันทึกจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ เครื่องบินกว่า 100 เครื่อง และ เรือเดินสมุทร เรือขนส่งสินค้าอีกหลายต่อหลายลำ โดยทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีการทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ทั้งซากเครื่องยนต์ ซากเรื่อ แม้แต่...ซากศพ ของผู้สูญหาย ก็ไม่มีเหลือให้เห็น เหมือนกับว่าได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ในปี ค.ศ. 1962 การหายสาบสูญของฝูงบิน 19 ได้ปรากฎในนิตยสารอเมริกันลีเจียน ฉบับประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 โดยกล่าวอ้างว่าผู้บังคับฝูงบินได้กล่าวว่า "เรากำลังเข้าสู่เขตน้ำขาว ไม่มีอะไรดูปกติเลย เราไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน น้ำทะเลเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีขาว"

431

        หลังจากนั้นเป็นต้นมา ได้มีการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอีกจำนวนมาก และแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้อง หลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎี มาถกเถียงกันและที่ตัดทิ้งเสียไม่ได้ก็คือความจริงที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆ จากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้




432
      
      

          ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน" จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและแหล่งหินประการัง มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี เคย มีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้ พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย ต่อนักประดาน้ำมาก และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ ลงสู่ก้นมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว

433

      

          อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก พายุทอร์นาโด เป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ ฟุต กลาง อากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้ เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว แต่อย่างไรก็ตามทอนาโด ต้องไม่ใช่สาเหตุของทุก ๆ กรณีที่เกิดขึ้นในสามเหลี่ยมเบอมิวดาอย่างแน่นอน

434



        ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือ การผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดย ทั่วไปแล้ว "แค๊ท" จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย แต่อย่างไรก็ดี การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดแต่.. ปรากฏการณ์ "แค๊ท" จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป

435


          การแปรผันของสนามแม่เหล็กโลก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ และเข็มทิศประจำเครื่องอาจ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินและเรือเหล่านั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปยังอีกมิติหนึ่งด้วยการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา สูง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรือที่มากไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกที่บริเวณนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติเวลา ทำให้เครื่องบินและเรือเดินสมุทร เมื่อเดินทางเข้าสู่บริเวณนั้น ถูกผลกระทบจากการแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลก ทำให้หลุดจากมิติหนึ่ง ไปยังอีกมิติหนึ่งก็เป็นได้ 

436



        ในปี พ.ศ. 2553 โจเซฟ โมนาแกน ได้เสนอว่า สาเหตุที่เรือจมและเครื่องบินตก เกิดจากแก๊สมีเทนที่ก่อตัวขึ้น โดยแก๊สดังกล่าวอยู่ใต้ท้องทะเลในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา โดย เมื่อแก๊สเหล่านี้ขึ้นสู่พื้นผิว มันจะทะยานสู่อากาศ และขยายตัวเป็นวงกว้างและก่อตัวเป็นฟองแก๊สขนาดใหญ่ เมื่อเรือลำใดผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น ก็จะเข้าไปสู่ฟองแก๊สมีเทนขนาดยักษ์ จนทำให้เรือเหล่านี้สูญเสียการควบคุม และจมลงในที่สุด เพราะหากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและ เครื่องบินในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จะ พบว่าเมื่อนำขนาดของเครื่องบินและเรือเดินสมุทร ไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอย อยู่ในห้องโถงใหญ่ และด้วยการที่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด โดยกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง คงทำให้มีการพัดพาชิ้นส่วนกระจัดกระจาย และไม่สามารถตามหาได้ทั้งหมดทั้งสิ้น

437


           ไม่ว่าสามเหลี่ยมเบอมิวดา จะเป็นดินแดนอาธรรพ์ ดินแดนแห่งปีศาจ หรือไม่ได้มีความลึกลับแต่อย่างใดก็ตาม เราก็ยังมีสิทธิที่จะจิตนาการ และศึกษาหลาย ๆ ทฤษฎี โดยไม่จำเป็นต้องปักใจเชื่อ สิ่งใดสิ่งหนึ่งจากการกล่าวของคนเพียงคนเดียวเสมอไป เพราะเราต้องศึกษาโลกใบนี้ต่อไป

 

วิธีคลายง่วงช่วงบ่าย

     หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักหาวแล้ว หาวอีก ต้องทนทรมานกับความง่วงช่วงบ่ายบ่อย ๆ ทำให้เสียสมาธิในการเรียน หรือ ทำงาน นั่นเป็นเพราะมื้อกลางวันรับประทานอาหารอุดมแป้ง และน้ำตาลขัดขาวมากเกินไป ลองลดปัจจัยดังกล่าว แล้วเพิ่มปริมาณผัก ผลไม้ รวมทั้งธัญพืชเยอะขึ้นอีก จากนั้น คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลง


โดย ผัก-ผลไม้อุดมวิตามินซี” จำพวก บรอกโคลี ฝรั่ง ส้ม จะช่วยต้านความล้าจากอาการเครียด และกังวล ส่วนแอปเปิล กล้วย มีโครเมียม ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย ส่วน “ธัญพืช” เช่น งา ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ซึ่งไม่ผ่านการขัดสี หรือ ขัดสีน้อยที่สุด จะให้วิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ บำรุงประสาท และช่วยให้จิตใจแจ่มใสสดชื่น
นอกจากนั้น อาจเปลี่ยนอิริยาบถโดยการ ลุกเดิน” ด้วย ระยะก้าวปานกลาง นานประมาณ 3-5 นาที ก็เป็นอีกวิธีในการคลายง่วงได้ เนื่องจากช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต คลื่นสมองทำงานดีขึ้น ร่างกายรู้สึกตื่นตัว
ทั้งนี้ หากทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ควรหมั่นพักสายตาทุก 1ชั่วโมง” โดยหลับตา หรือ มองไปไกลๆ ประมาณ 5 นาที อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ประคบดวงตา ประมาณ 2-3 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี ทั้งยังคลายง่วง และลดการเพลียตา เพราะแสงจากหน้าจอ
รวมทั้ง อย่าลืมมีน้ำดื่มติดโต๊ะ” ค่อยๆ จิบระหว่างวัน ทั้งนี้ ควรเป็นน้ำอุณหภูมิห้อง เพื่อร่างกายจะดูดซึมไปใช้ในระบบหมุนเวียนเลือดได้ทันที ช่วยเพิ่มความสดชื่น และกระปรี้กระเปร่า
เป็นวิธีง่ายๆ ช่วยให้สดชื่นตื่นตัวได้ โดยไม่พึ่งกาแฟ ลองนำไปประยุกต์ใช้กันดู
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

9 สุดยอดสัตว์มีพิษที่อันตรายที่สุดในโลก 

  ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้ภาพของการล่าเนื้อของสัตว์ใหญ่อย่าง สิงโต หรือ เสือ เป็นภาพที่เลือนลางไปจากสังคม มนุษย์เราสามารถใช้ชีวิตได้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายจากสัตว์ใด ๆ    อย่างไรก็ตามแม้เราจะหลีกพ้นจากสัตว์ใหญ่ แต่ยังมีสัตว์เล็กมากมายที่มีพิษร้ายแบบที่คุณประมาทไม่ได้ เพราะหากคุณประมาทมันอาจสร้างความสูญเสียให้กับคุณอย่างมหาศาล ทั้งต่อร่างกายและชีวิต และนี่คือ  9 อันดับสัตว์มีพิษที่อันตรายที่สุดในโลก มาฝาก



อันดับ 9 Puffer Fish - ปลาปักเป้า
          ปลาปักเป้า คือสัตว์มีพิษที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเป้าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "ฟูกุ" ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า "บ๊อค ฮัง")โดยเนื้อปลาปักเป้านั้นจริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวกผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้านั่นเอง แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที

อันดับที่ 8 Poison Dart Frog - กบลูกดอก
          กบลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่ในป่าฝนในทวีปอเมริกากลาง และ ใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถฆ่าคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม ( เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้ พิษของมันถูกนำมาใช้ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก

อันดับที่ 7 Inland Taipan -งูไทปันโพ้นทะเล
          งูไทปันถูกพบได้มากในทวีปออสเตรเลีย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่าคนได้ภาพใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน

อันดับที่ 6 The Brazilian wandering spider - แมงมุมบราซิล
          แมงมุมบราซิลหรือแมงมุมกล้วย ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแม่งมุมที่มีพิษร้ายแรงที่ สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมาก เพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และ ถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ



อันดับ 5 Stonefish - ปลาหิน
          ถ้าแข่งกันในเรื่องของความสวยงามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก้อ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด

อันดับที่ 4 ได้แก่ Death Stalker Scorpion -แมงป่องพันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์
          แมงป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก
อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่.....มันไม่ใช่สำหรับแมงป่องพันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์ เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ

อันดับที่ 3 Blue-Ringed Octopus - ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน
          ปลาหมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญมันยังไม่มียาแก้พิษ ถ้าโดนปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่าพิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอ และคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบหายใจการจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด

อันดับที่ 2 Marbled Cone Snail -หอยเต้าปูนลายหินอ่อน
          หอยเต้าปูน ตัวเล็กๆสีสันสวยงาม แต่!!!พิษของมันนะหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆ แล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลยนะครับ แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวดหลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบการหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน

อันดับที่ 1 King Cobra - งูจงอาง
          จงอาง หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง  ที่สำคัญ มันพบได้ทั่วไป ในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศไทย


ที่มา  :  http://variety.teenee.com/foodforbrain/14778.html
20 เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้

1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก

2. The Great Barrier Reef (แนวปะการังที่ยาวทีสุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 2000 กิโลเมตร

3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตีด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9300 ปีต่อครั้ง

4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือมีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัน

5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 ลูก

6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซื่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน

7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง

8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า

9. 65% ของผู้ป่วยออทิสติคส์ เป็นคนถนัดซ้าย

10. Finnish pine tree (ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์

11. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต

12. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์นับหมื่นล้านล้านลิตร

13. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต

14. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน

15. กล้อง infared จับภาพหมีขั้วโลกได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนของมัน

16. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี คนเราจะกินสัตว์จำพวกเห็บลิ้นไร โดยไม่ได้ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี

17. รากของต้น Rye(ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา) สามารถแผ่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์

18. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดลงต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน

19. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ(ในรูปของไอน้ำ)ออกมา 10 - 25 แกลลอน

20. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรู้ว่าใบไม้และดอกไม้ที่มันสัมผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่
 เคล็ดลับ10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ


ความเกี่ยวเนื่อง : ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

เขียน : การนำคำศัพท์นั้นมา ใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้ กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

วาดรูป : ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต

แสดง : แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

สร้าง : ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

ความสัมพันธ์ : กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป

ฟัง : นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น

เลือก : จำไว้ว่าการเรียนใน หัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้น ด้วยเช่นกัน !

ข้อจำกัด : คุณก็รู้ว่ามัน เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวัน เดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับ จะทำให้คุณสมองตื้อแทน
 

สังเกต : พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ


ที่มา :  http://www.ticthai.com/webboard 


ความจำแย่แก้ได้ด้วย 4 วิธี

วัยที่เพิ่มขึ้นบางครั้งอาจทำให้เริ่มหลงลืม ปัญหานี้บรรเทาได้ด้วยเทคนิค 4 ข้อ แนะวัยทำงานปฏิบัติดี วัยเรียนปฏิบัติเลิศ


วิธีแรก โฟกัส สายตา โดยนั่งจ้องวัตถุ หรือ เหตุการณ์ตรงหน้า จดจำรายละเอียดให้มากที่สุด นานประมาณ 3 นาที จากนั้น ละสายตา แล้ววาดสิ่งที่เห็นบนกระดาษ เมื่อเสร็จตรวจดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นไปหรือไม่ ฝึกสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาความจำระยะสั้น บริหารสมอง และเสริมประสิทธิภาพความจำด้านสายตา


วิธีต่อมา รับประทานอาหารอุดมวิตามินซี, อี และเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส้ม องุ่น เบอร์รี ผักสีเขียว ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ทั้งนี้ ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้บริโภควิตามินซีสูง มีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด


ตามด้วย การทำกิจกรรมท้าทายความคิด เมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสาม สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ดังนั้น ควรหางานอดิเรกยามว่างที่สนุกสนานทำ เช่น เต้นแทงโก้ เรียนภาษาใหม่ ต่อจิ๊กซอว์ เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ เล่นปิงปอง เป็นต้น ช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมอง และความจำได้ดี


สุดท้าย นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้ และความจำ 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ thaihealth.or.th

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฟรีซสุนัข เทรนด์ใหม่ในอเมริกา

ฟรีซสุนัข เทรนด์ใหม่ในอเมริกา


ในรูปนี้คือสุนัขแช่แข็งทั้งสิ้น !!



     เจ้าของหลายคนเมื่อสุนัขได้ตายลง ก็อาจจะมีอาการทำใจไม่ได้อยู่บ้าง แต่มีคนรักสัตว์กลุ่มหนึ่ง พยายามจะเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ ให้อยู่กับพวกเขาไปตลอด นั้นก็คือ การฟรีซมันไว้



         ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนรักสุนัขที่ยอมจ่ายเงินจำนวนถึง ราว 1 แสนบาทเพื่อนำสุนัขเข้าสู่ วิธีที่เรียกว่า Freeze drying ซึ่งก็คือ ขบวนการที่ทำให้ สารที่เปียก (ร่างกายสุนัข) แห้งได้โดยทำให้สารนั้น (สุนัข) เย็นจนแข็งตัว และระเหยเอาน้ำแข็งออกไป ทำให้ได้ร่างสุนัขที่แห้งและคงสภาพเหมือนตอนก่อนมันตายเกือบ 100 %

ตัวอย่างสุนัขที่ Freeze









      เจ้าของกิจการนี้กล่าวว่า มันเหมาะอย่างยิ่งกับคนรักสุนัขที่ไม่อยากที่จะฝังหรือเผาศพสุนัขสุดรักของ พวกเค้า แต่เลือกที่จะให้พวกมันนั่งอยู่บริเวณรอบๆบ้านแทน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะมีความผูกพันและเลี้ยงดูสุนัขแต่ละตัวมาเป็นเวลานานจึง ไม่อยากจะเสียมันไปหรือไม่ได้เห็นหน้าพวกมันอีก

มีแมวด้วย







        สุนัขเหล่านี้ส่วนมากจะป่วยเป็นโรคต่างๆเช่นมะเร็ง หรือโรคที่ทำให้สภาพภายนอกของมันดูไม่ดีนัก ทางเราก็จะมีการตกแต่งสุนัขให้ดูเหมือนก่อนที่มันจะป่วยโดยใช้ซิลิโคนและการ กรูมมิ่งเข้ามาช่วย

       เค้ายอมรับว่ามันค่อนข้างที่จะแปลก แต่เค้ามั่นใจว่าในอนาคตมันจะต้องได้รับความนิยมมากขึ้นแน่นอน

         โดยเจ้าของสุนัขที่ต้องการ Freeze จะต้องรีบนำสัตว์เลี้ยงมาเข้าในตู้เย็นนี้ภายใน 48 ชั่วโมง  และการ Freeze สุนัขแต่ละตัวใช้เวลาประมาณ 6 เดือน

        กิจการนี้เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว และสามารถดึงดูดลูกค้าในอเมริกาได้มากกว่า 48 รัฐ รวมไปถึงในแคนาดาด้วย



  ซึ่งการปฏิบัติการของเครื่องนี้ เป็นระบบเดียวกับที่แช่งแข็งอาหารให้นักบินอวกาศนั่นเอง


ที่มา : เดลินิวส์

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

คนแรก และสิ่งแรกของไทย

-  กษัตริย์ไทยพระองค์แรก (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์)

-  นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย (พระยามโนปกรณ์นิติธาดา)

-  ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของไทย (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี)
 

-  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของไทย (นางอรพินท์ ไชยกาล)

-  อธิบดีหญิงคนแรกของไทย (คุณหญิงอัมพร มีศุข อธิบดีกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ)

-  จอมพลคนแรกของเมืองไทย (จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพันธุวาษ์วรเดช)

-  นักดาราศาสตร์คนแรกของไทย (รัชกาลที่ 4)

-  นางสาวไทยคนแรกของประเทศไทย (นางสาวกันยา เทียนสว่าง)

-  นางสาวไทยคนแรกที่ชนะการประกวดนางงามจักรวาล (นางสาวอาภัสรา หงสกุล)

-  สตรีไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ (คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง)

-  นักมวยไทยคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลก (โผน กิ่งเพชร)

-  นักพากย์ภาพยนตร์คนแรกของไทย (นายสิน สีบุญเรือง (ทิดเขียว))

-  นักเขียนการ์ตูนคนแรกของไทย (ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต (เปล่งไตรปิ่น))

-  ผู้คิดประดิษฐ์อักษรไทยคนแรก (พ่อขุนรามคำแหง)

-  ผู้คิดตัวพิมพ์อักษรไทยเป็นคนแรก (ร้อยโท เจมส์ โลว์)

-  ผู้เริ่มใช้กระแสไฟฟ้าเป็นคนแรกของไทย (จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต))

-  ผู้เปิดเดินรถเมล์ในกรุงเทพมหานครเป็นคนแรก (พระยาภักดีนรเศรษฐ์ (นายเลิศ))

-  ผู้ประดิษฐ์รถสามล้อขึ้นใช้ในประเทศไทยเป็นคนแรก (นายเลื่อน พงษ์โสภณ)

-  ผู้ให้กำเนิดลูกเสือไทยคนแรก (รัชกาลที่ 6)

-  ผู้เริ่มแท็กซี่ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก (พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เมื่อปี พ.ศ.2466)

-  ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" (พระยาอุปกิตศิลปสาร)

-  ผู้ให้กำเนิดเพลงสรรเสริญพระบารมี (กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์)

-  ผู้ให้กำเนิดเพลงชาติไทย (พระเจนดุริยางค์ (บรรเลงครั้งแรกโดยวงดุริยางค์ทหารเรือ))

-  ผู้แต่งเพลงกราวกีฬา (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย" (สมเด็จพระราชบิดา กรมหลวงสงขลานครินทร์)

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งกองทัพเรือ" (กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์(พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5))

-  ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการสหกรณ์แห่งประเทศไทย (กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์)

-  ฝาแฝดคู่แรกของไทย (ฝาแฝด อิน - จัน เกิดเมื่อ 11 พฤกษภาคม พ.ศ. 2434 ที่ จ. สมุทรสงคราม)

-  ผู้ที่ริเริ่มใช้ ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศก) (รัชกาลที่ 5)

-  ร.ศ. 1 ตรงกับปี พ.ศ. (พ.ศ. 2331)

-  เรือกลไฟลำแรกของประเทศไทย (เรือสยามอรสุมพล)

-  โรงพยาบาลแห่งแรกของไทย (โรงพยาบาลศิริราช)

-  มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

-  โรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของไทย (โรงเรียนอนุบาลที่โรงเลี้ยงเด็ก ซึ่งพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ พระอัครชายาใน รัชกาลที่ 5เป็นผู้ให้กำเนิด)

-  ธนาคารเอกชนแห่งแรกของไทย (แบงก์สยามกัมมาจล (ปัจจุบัน คือธนาคารไทยพาณิชย์))

-  โรงภาพยนตร์โรงแรกในกรุงเทพฯ ที่ฉายจอซีนีมาสโคป (โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย)

-  ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ออกฉายให้ประชาชนชมครั้งแรกเรื่ อง (นางสาวสุวรรณ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2466)

-  โรงแรมแห่งแรกของไทย (โรงแรมโอเรียนเต็ล)

-  โรงพิมพ์แห่งแรกของประเทศไทย (โรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ตั้งอยู่ที่ธนบุรี)

-  บทประพันธ์ที่ทำการขายลิขสิทธิ์ครั้งแรกในประเทศไทย (นิราศลอนดอนของหม่อมราโชทัย ขายให้กับหมอบรัดเลย์)

-  แบบเรียนเล่มแรกของคนไทย (หนังสือจินดามณี พระโหราธิบดีเป็นผู้แต่ง)

-  หนังสือไทยเล่มแรก (หนังสือไตรภูมิพระร่วง)

-  หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของไทย (หนังสือพิมพ์บางกอกรีคอดเดอร์ เมื่อปี พ.ศ.2387)

-  ปฏิทินฉบับภาษาไทยของประเทศไทยจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ (ปี พ.ศ.2385)

-  วิทยุโทรทัศน์มีขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ (ปี พ.ศ.2497 สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม)

-  สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ปัจจุบัน คือ ช่อง 9 อสมท.)

-  โรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรแห่งแรก (โรงเรียนวัดมหรรณพาราม)

ที่มา :  http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,662.0.html 
10 อันดับเรื่องลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้

อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)
           ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน

  


อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)
          ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น




อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)
              ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน





อันดับ 7 : หีบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)
              คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้





อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)
             พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

 



อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)
              คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดี ที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???




อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
              บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง




อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
              วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้




อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)
              เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจ เป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป





อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)
             มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?






ที่มา : http://awsqeaws.exteen.com/20091116/entry-1

รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่ายและมีให้กินทุกฤดูกาล ถือว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน ขึ้นบ้านใหม่ หรือเยี่ยมไข้คนป่วย ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้เห็นแอปเปิ้ลเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับ กระเช้าผลไม้
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน
     สำหรับแอปเปิ้ลที่เราเห็นตามท้องตลาดนั้น มีทั้งชนิดที่เปลือกสีแดง สีชมพู สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งสีที่แตกต่างกันนั้นก็บ่งบอกได้ถึงสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไป ถึงแม้เปลือกด้านนอกจะมีสีไม่เหมือนกันแต่เนื้อข้างในนั้นเป็นเนื้อทราย ละเอียดสีขาวนวลเหมือนกัน แต่แอปเปิ้ลแต่ละสีก็จะมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน หลายคนมีความเข้าใจที่ผิดๆ เกี่ยวกับการกินแอปเปิ้ลว่า เราควรจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลออกก่อนกิน แต่จริงๆ แล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่ผิด เพราะจะทำให้คุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ลดลง
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน  
      เมื่อรับประทานแอปเปิ้ลโดยไม่ปอกเปลือก 1 ผล เราจะได้รับพลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม และวิตามินซีมากถึง 7.9 มิลลิกรัม นอกจากนั้นยังมีสารเบต้าแคโรทีน และเส้นใยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล (การกินแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ โดยแอปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย) ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส ในทางกลับกันถ้าเราปอกเปลือกปริมาณสารอาหารดังกล่าวในแอปเปิ้ลก็จะลดลงไป ด้วย  
     นอกจากนี้สำหรับคนไหนที่อยากควบคุมน้ำหนัก แอปเปิ้ลถือว่าตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ เพราะแอปเปิ้ล 1 ผล มีส่วนประกอบของแป้งละน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลา ไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่ แต่แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้หายหิวแต่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มด้วย
     ส่วนในเรื่องความแตกต่างในด้านสารอาหารที่เราจะได้รับจากแอปเปิ้ลสีต่างๆ นั้น ...
เด็กดีดอทคอม :: รู้ไหมแอปเปิ้ลต่างสี มีประโยชน์ต่างกัน
     แอปเปิ้ลแดง มีจุดเด่นที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีสารอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
     แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
     แอปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
     แอปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกินแอปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีอีกด้วย
     มีประโยชน์รอบด้านแบบนี้นี่เอง แอปเปิ้ลถึงเป็นผลไม้ยอดนิยมในทุกๆ เทศกาล ... น้องๆ คนไหนที่อยากสุขภาพดี ผิวสวย และรูปร่างสมสัดส่วนล่ะก็ ลองกินแอปเปิ้ลเป็นประจำดูสิคะ

ที่มา : http://www.dek-d.com/content/lifestyle/25503/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-.php
5 อาชีพสุดแปลก ที่มีอยู่จริง!      

            อาชีพนักดมรักแร้ :: อาชีพที่ขอยืนยัน แถมนอนยันให้ด้วยว่ามีอยู่จริง โดยบริษัทผู้ผลิตโรลออนจะจ้างคนมาดมรักแร้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อเป็นการตรวจเช็คว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมานั้นดีและเหมาะสมแล้วรึยัง ซึ่งนักดมรักแร้จะต้องดมรักแร้ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กว่า 60 คน/วันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าหลังจากดมเสร็จแล้วจะต้องไปสูบยาดมหมดไปกี่หลอด

             นักทดสอบสไลด์เดอร์ :: ถ้าไปสวนน้ำแล้วไม่ได้เล่นสไลด์เดอร์ก็เหมือนว่าไปไม่ถึง จริงไหมจ๊ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com ซึ่งทุกคนรู้กันรึเปล่าว่าก่อนที่เราจะได้เล่นเครื่องเล่นชนิดนี้นั้น มันต้องผ่านการทดสอบมาก่อนจากนักทดสอบสไลเดอร์ อ๊ะๆ อ่านชื่ออาชีพไม่ผิดหรอกจ้ะ ชื่ออาชีพนี้จริงๆ โดยมีหน้าที่ทดสอบเล่นสไลเดอร์ที่สร้างขึ้นมาว่าสนุกไหม อันตรายรึเปล่า และหวาดเสียวไหม เรียกว่าเป็นหนูทดลองคนแรกที่จะได้เล่นเครื่องเล่นนี้เลยจ้ะ
เด็กดีดอทคอม :: 5 อาชีพสุดแปลก ที่มีอยู่จริง

             นักระบุเพศไก่ :: อย่านึกว่าลูกเจี๊ยบที่เพิ่งถูกฝักตัวออกมาจากไข่แล้ว จะถูกปล่อยให้อยู่เฉยๆ นะจ๊ะ เพราะมันต้องผ่านมือของเขาคนนี้เสียก่อน นักระบุเพศไก่ หน้าที่ของเขาสำคัญกับอุตสาหกรรมไก่มาก เพราะต้องระบุเพศลูกเจี๊ยบว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย ถ้าเป็นเพศเมียก็จะถูกแยกตัวออกไปเลี้ยงเป็นไก่ไข่ ส่วนเพศผู้ก็ถูกนำไปเลี้ยงเป็นไก่เนื้อ

             นักทดสอบเตียงนอน :: ถ้าชื่นชอบการนอนเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ขอแนะนำอาชีพนี้เลยจ้ะ กับนักทดสอบเตียงนอน ที่ขอบอกว่าเตียงนอนที่นำมาให้ทดสอบนั้นไม่ใช่เตียงธรรมดาทั่วไปนะ แต่เป็นเตียงหรูที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่นักทดสอบจะต้องนอนทดสอบเพื่อเช็คว่ามันทำให้หลับสบายจริงรึเปล่า

             นักทดสอบอาหารสัตว์ :: อย่าเพิ่งนึกว่าคนที่ประกอบอาชีพนี้จะต้องกินอาหารสัตว์นะจ๊ะ จริงๆ แล้วเขาให้สัตว์เลี้ยงแสนรักอย่าง หมา และแมวเป็นฝ่ายกิน ส่วนนักทดสอบอาหารสัตว์ก็จะมีหน้าที่สังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดของสัตว์ เลี้ยงว่าพวกมันชื่นชอบอาหารเหล่านั้นรึเปล่า


ที่มา : http://www.dek-d.com/content/lifestyle/27238/5-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87.php
ดนตรียุคเก่า ช่วยเรียนเก่ง!

          การฟังเพลงเบาๆ ให้ผ่อนคลายเป็นอีกวิธีหนึ่งในการชาร์จพลังความคิดของเรา เพลงและดนตรีหลายๆ ประเภทได้รับการศึกษาและวิจัยแล้วว่า มีผลดีต่อสมองทั้งในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้  หาก เลือกฟังเพลงได้เหมาะสม ถูกจังหวะและถูกโอกาส! มีงานวิจัยที่บอกว่าครูสามารถใช้เสียงเพลงหรือดนตรีมาประกอบการสอนได้ ทั้งเปิดให้เป็๋นเสียงคลอเบาๆ ในชั้นเรียน ระหว่างช่วงกิจกรรมการคิดทั้งเดี่ยวหรือกลุ่ม นักเรียนจะคิดงานออกมาได้ดี หรือนำมาใช้เป็นสื่อการสอนในวิชาทางภาษา อย่างภาษาไทยเราเอง หรือภาษาที่สองที่สาม ก็จะช่วยในเรื่องการจดจำคำศัพท์ได้อีกด้วย

เด็กดีดอทคอม :: ดนตรียุคเก่า ช่วยเรียนเก่ง!




        ดนตรีประเภทที่เหมาะกับการพัฒนาสมอง คือ ดนตรีในยุคบาโรก (Baroque) เพราะมีคลื่นความถี่  ที่เหมาะสมกับการทำงานของสมอง จังหวะของดนตรียุคนี้ใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจขณะพักผ่อน คือ ประมาณจังหวะเคาะ 60 ครั้งต่อนาที ซึ่งทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ฟังแล้วมีสมาธิ  ช่วยกระตุ้นสมองให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเรียนรู้ และทำให้จดจำได้ง่ายขึ้น  หากเลือกเลือกฟังเพลงยุคบาโรกที่มีจังหวะช้าๆ ในขณะที่ท่องหนังสือ ผลการวิจัยบอกว่านักเรียนหลายคนผลการเรียนดีขึ้นด้วย! ใน ทางกลับกันดนตรีที่ดีน้อยที่สุดต่อการเรียนรู้ และเป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายสมองที่สุดคือ ดนตรีร็อค เพราะจังหวะกระชั้น รวดเร็ว บีบหัวใจมากกว่าผ่อนคลาย น้องๆ สามารถค้นหาเพลงยุคบาโรกเบาๆ กระตุ้นสมองได้จากอินเทอร์เน็ต ในyoutubeเองก็มีเพลงนี้อยู่หลายเพลง และถ้าเราค้นหาเพลง playlist ใน youtube จะเจอ playlist ที่มีคนรวบรวมเพลงสำหรับผ่อนคลายสมองและใช้ฟังตอนอ่านหนังสือไว้ เช่น Sounds for the brain  เราสามารถใช้ฟังเวลาที่เราอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนคอยกดฟัง บ่อยๆ ค่ะ                                                                          



      นอกจากการฟังดนตรีจะได้ผลดีต่อกระบวนการทำงานของสมองของเราแล้ว ยังมีการเล่นดนตรีที่ช่วยพัฒนาสมองของเราได้อีก โดยเฉพาะดนตรีเครื่องสายที่ ต้องใช้นิ้วดีดๆ เช่น จะเข้ กีตาร์ หรือยอดฮิตตอนนี้ต้องอูคูเลเล่ และถ้าได้ฝึกเล่นก่อนอายุ 12 ปี ก็จะยิ่งช่วยให้สมองพัฒนา มีความจำดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เพราะได้ฝึกประสาทสัมผัสหลายส่วนที่มีผลต่อการพัฒนาเซลล์สมองหรือที่ทั่วไป เรียกว่าเพิ่มรอยหยักสมองนั่นเองค่ะ 
ที่มา :http://www.dek-d.com/content/education/27280/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87.php 
เทคนิคจำแม่น จำให้เป็นภาพ

การจำด้วยภาพ เป็นการจำที่ใช้ จินตนาการผสมกับความรู้สึกนึกคิด ทำให้การจำแม่นยำขึ้น ต่อให้เป็นคนไม่มีจินตนาการแค่ไหน เทคนิคก็ยังใช้ได้ผล 100% ซึ่งเทคนิคนี้ก็คือ การแปลผลจากข้อความออกไปเป็นรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ถ้าใครอินมาก อาจะใช้รูปภาพถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเลยก็ได้
             เพื่อเป็นการยืนยันผล มีแบบทดสอบสนุกๆ ให้ทำค่ะ

         กติกา   ข้อ 1) มองรูปนี้เพียง 3 วินาที แล้วจดใส่กระดาษดูว่าจำรูปไหนได้บ้าง

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ
     รูปที่ 1 มีอะไรบ้าง   1........ 2.......  3....... 4.......

        ข้อ 2) กติกาเดิม มอง 3 วินาที แล้วจดออกมาว่ามีอะไรบ้าง
เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ

   รูปที่ 2 มีอะไรบ้าง  1....... 2........ 3........ 4........
         แบบทดสอบข้างต้น ลองแยก "รูปภาพ" และ "ตัวอักษร" ออกจากกัน พอจำความรู้สึกในการจำรูปทั้งสองได้มั้ยคะ ว่าภายในเวลา 3 วินาที สามารถจำรายละเอียดของรูปไหนได้มากกว่ากัน เชื่อว่าหลายคนมองผ่านรปในข้อ 1) แว๊บเดียวก็สามารถจำได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง โดยไม่ต้องท่องด้วยซ้ำ ถึงเวลาเขียนแค่นึกความรู้สึกว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน ก็สามารถจำได้แล้ว
         ส่วนข้อ 2) ก็จำได้เหมือนกัน แต่ต้องท่องทวนซ้ำอย่างน้อย 2-3 รอบ ถึงจะลงมือเขียนได้ แต่ข้อสรุปนี้ อาจจะง่ายเกินไป เพราะจำนวนสิ่งของมีน้อย ลองมาพิสูจน์อีกครั้งกับรูปภาพนี้


        ข้อ3) ให้เวลา 10 วินาที จำว่ามีอะไรบ้าง และเขียนออกมา
เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคจำแม่น!! จำให้เป็นภาพ

        รูปที่ 3 มีอะไรบ้าง  1.........  2......... 3.......... 4........... 5..........
                             6.........  7.........  8........... 9........... 10.........

         จากรูปภาพข้างบนมีทั้งหมด 10 ข้อ จำได้เท่าไหร่กันบ้างเอ่ย?? ถ้าใครจำได้ถึง 10 ต้องปรบมือให้เลยล่ะ เพราะมันยากมากๆ เพราะภายในเวลา 10 วินาที เป็นเวลาช่วงสั้นมากๆ ที่จะจดจำสิ่งของที่มีถึง 10 ชิ้น ดังนั้นถ้าเติมไม่ครบก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ ส่วนใหญ่อาจจะจำกันได้ 5-6 ข้อ 
         น้องๆ ลองสังเกตคำตอบของตัวเองดูว่า ส่วนใหญ่สิ่งที่จำได้ คือ อะไร เป็นรูปภาพ? หรือ ตัวอักษร?
        คำ ตอบที่ออกมา น้องๆ น่าจะเลือกจำรูปภาพมากกว่าตัวอักษร เนื่องจากจำง่าย มีรูปลักษณ์ชัดเจน แล้วก็โยงกับความคิดเราได้ ทำให้นึกภาพเร็วขึ้น ส่วนการจำแห้งๆ ที่มีแค่คำ คนจึงเลือกจำน้อย เพราะได้ผลที่ต่ำกว่า
        มาถึงตรงนี้ น้องๆ น่าจะเข้าใจหลักการจำด้วยภาพมากขึ้น สรุปง่ายๆ ก็คือ สมองคนเราจะเรียนรู้จากการจำด้วยภาพได้ง่ายกว่า เป็นการใช้สมองซีกขวา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้ผลจริงๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจดโน้ต หรือสรุปเนื้อหาก่อนสอบ ใช้รูปภาพแทนบางส่วนคำพูด จะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้นมากๆ ถึงเวลาสอบก็แค่ระลึกชาตินิดหน่อย ก็สามารถแปลผลออกมาเป็นตัวอักษรได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ

ที่มา : http://www.dek-d.com/content/education/27110/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.php